บทความส่วนใหญ่ เป็นนิยาย เรื่องสั้น เรื่องเล่า มีทั้งอ้างอิงจากเค้าโครงเรื่องจริง และเรื่องแต่งขึ้นเอง

Tadeestory/ประสบการณ์หลอนเข้าค่ายธรรมะ

     


         ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วกระแสการให้นักเรียนเข้าค่ายธรรมะเป็นที่นิยมมากๆ ซึ่งตอนนั้นเราเรียนอยู่ ม.4 และก็โดนทางโรงเรียนบังคับให้ไปเข้าค่ายธรรมมะเช่นกัน ถ้าถามจากความรู้สึกว่าเราชอบมั้ย เราก็ชอบนะ ส่วนใหญ่พระอาจารย์จะสอนถึงพระคุณพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ แล้วก็พวกการใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท ไม่มีเรื่องทูตผีปีศาจ หรือ ไสยศาสตร์อะไรทั้งนั้น เข้าเรื่องเลยล่ะกัน ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเอาเป็นว่าการเข้าค่ายของเราในคืนที่ 1 ก็ผ่านไปได้เกือบจะดีแต่มีปัญหานิดหน่อย เพราะที่นอนบนศาลามันไม่พอ พระอาจารย์เลยให้นักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งขึ้นไปนอนบนธรรมมาส(เค้าเรียกแบบนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ ลักษณะคือเป็นที่นั่งของพระที่ยกขึ้นสูงจากพื้นศาลาประมาณ 30-40 เซนติเมตร ปกติจะมีแต่ผู้ชายที่ขึ้นไป) ซึ่งหนึ่งในนักเรียนหญิงกลุ่มนั้นรวมเราอยู่ด้วย ทำให้อาจารย์ผู้หญิงที่สอนศิลปะคนนึงไม่พอใจมาก เพราะมันผิดไปจากความเชื่อของคนไทย จึงมีปากเสียงกันนิดหน่อย สุดท้ายอาจารย์ผู้หญิงก็ต้องยอม ให้พวกเรานอนบนธรรมาสน์ตามที่พระอาจารย์บอก คืนนั้นฝนตกรินๆ เรานอนหันเท้าเข้าหาหน้าต่างซึ่งอยู่ในระดับสายตาพอดี มองๆดูแล้วก็เกิดอาการหลอนจิตนาการไปต่างๆนาๆเลยข่มตาให้หลับแต่อากาศมันก็ดันร้อนๆหนาวๆสรุปคืนนั้นแทบไม่ได้นอน แต่ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น วันที่สองของการเข้าค่ายก็มีกิจกรรมต่างๆนาๆ เดินจงกรมบ้าง เล่นเกมฝึกความสามัคคีบ้าง ทำความสะอาดบริเวณวัดบ้าง เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบบ่ายสาม ตอนนั้นเป็นช่วงพัก พวกเรากับเพื่อนๆก็นั่งเหยียดแข้งเหยียดขากันตามปกติ  สักพักมีคนแปลกหน้าแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำเดินขึ้นมาคุยกับคณะอาจารย์ของโรงเรียนเราอยู่ครู่หนึ่ง ก็ลงจากศาลาไป เรากับเพื่อนฟังไม่ออกว่าเค้าคุยอะไรกันแต่ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็น เพื่อนเราเลยไปสืบจากกลุ่มที่นั่งใกล้ๆจุดที่เค้าสนทนากัน ได้ความว่าชายชุดดำนั้นประสงค์จะใช้ศาลานี้เพื่อสวดพระอภิธรรมศพของญาติเค้า ซึ่งญาติเค้าคนนั้นผูกคอตาย แต่อาจารย์เราปฏิเสธไปเพราะนักเรียนเยอะ ข้าวของก็เยอะ ถ้าให้ย้ายคงลำบาก สรุปว่าชายคนดังกล่าวต้องไปใช้ศาลาเก่าที่อยู่ถัดออกไปจากศาลาที่เราใช้ในเข้าค่ายแทน ซึ่งศาลาหลังเก่านั้นค่อนข้างเล็กกว่ามาก พอหมดเบรกพวกเราก็ทำกิจกรรมต่อจนถึงช่วงเย็น และได้กินข้าวกันตอนหกโมงกว่าๆ
          ช่วงดึกวันนั้นหลังจากสวดมนต์เย็นเสร็จ เวลาก็เกือบจะ2ทุ่ม พวกเราต้องนั่งสมาธิเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง พระอาจารย์ปิดวีดีทัศน์ต่างๆลง และสั่งให้ทุกคนนั่งหลังตรง เอามือมาพสานที่หน้าตัก แล้วค่อยๆหลับตาลง วันนั้นบรรยากาศวังเวงแปลกๆ อาจเป็นเพราะมีเสียงสวดมนต์จากศาลาข้างๆเคล้าคลอไปด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ
"หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ" พระอาจารย์เริ่มนำให้กำหนดลมหายใจ ทั้งศาลาเงียบกริบมีเพียงเสียงพระอาจารย์คนเดียว
"กรี๊ดดดด" จู่ๆเพื่อนที่เรียนชั้นเดียวกับเราแต่คนละห้อง ซึ่งเราไม่รู้จักชื่อเพื่อนด้วยซ้ำ555 ก็กรี๊ดออกมาเสียงดังมาก ตามมาด้วยเสียงร้องไห้"ฮือๆๆ"
แน่นอนสายตาของนักเรียนรวมถึงทุกคนบนศาลาหันขวับไปที่ต้นเสียง คนมุงเธอเยอะมากทั้งเพื่อนๆของเธอและอาจารย์ รวมถึงพระอาจารย์ที่กำลังเดินไป ครู่เดียวได้ยินเสียงพระอาจารย์บอกว่า
"เอาออกไป เอาออกไป" อาจารย์ของโรงเรียนเราเลยพยุงเด็กคนนั้นไปนั่งในห้องครัวของศาลาก่อน ตามด้วยพระอาจารย์อีกรูปที่เป็นผู้ช่วยก็ตามไปดูด้วย
"เอา เงียบหลับตา" พระอาจารย์ดุให้นักเรียนคนอื่นๆที่กำลังตื่นตระหนก จับกลุ่มวิจารณ์เหตุการณ์เมื่อครู่ พอได้ยินพระอาจารย์ดุทุกคนก็รีบกลับเข้าที่และหลับตาทำสมาธิต่อ ถึงแม้จะไม่มีสมาธิแล้วก็ตาม
        เช้าวันรุ่งขึ้นตามกำหนดการณ์แล้วเราต้องได้กลับบ้านประมาณ 10 โมง แต่มีเพื่อนหลายๆคนที่ยังไม่มารวมตัวกันไม่รู้ว่าหายไปไหน(มารู้ตอนหลังว่าไปไหว้ศพที่อยู่ศาลาข้างๆ) พิธีมอบใบประกาศจึงล่าช้าออกไปอีก กว่าจะได้กลับก็เกือบ 11 โมง พอเราเดินออกจากศาลาก็มีเพื่อนอีกห้องที่รู้จักกันมาถามว่า
"แกไม่ไปขอขมาพี่เค้าหรอ"
"ขอขมาใคร?"เราถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ
"เอ้าไม่รู้เรื่องเลยเหรอ"
"ไม่"เราส่ายหน้า เพื่อนเลยเล่าให้ฟังว่า (เราสมมุติให้คนที่กรี๊ดชื่อแนนแล้วกัน) ในระหว่างที่กำลังทำสมาธิ กันอยู่แนนได้กลิ่นเหม็นแปลกๆ คล้ายกลิ่นซากศพแนนเลยทำจมูกฟุดฟิดด้วยความเหม็น แต่กลิ่นเหม็นกลับแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นแนนยังเริ่มรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนมีคนมาจ้องตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็เลยตัดสินใจลืมตา แนนบอกว่าแนนเห็นผู้ชายตัวใหญ่กว่าคนปกติเกือบ 2 เท่า เนื้อตัวดำเมี่ยมตาขาวโพน ทำตาถลนนั่งอยู่ตรงหน้า เธอเลยตกใจมากรีบหลับตาแล้วกรี๊ดออกมาอย่างที่พวกเราเห็น พอครูพาออกไป แนนก็เล่าเรื่องให้ครูฟัง ครูเลยอนุโลมให้แนนไปนอนรวมกับครูผู้หญิง แทนที่จะนอนรวมกับเพื่อน อาจารย์ที่เชื่อเรื่องพวกนี้บางคนคิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณของชายที่ผูกคอตายไม่พอใจที่พวกเราไปเบียดเบียนเค้า บางคนว่าเป็นเจ้าที่เจ้าทางไม่พอใจที่ให้ผู้หญิงขึ้นไปนอนบนธรรมาส บางคนก็ไม่เชื่อเลย เพื่อนยังเล่าต่ออีกว่าหลายคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆแนนก็ได้กลิ่นเหมือนกันแต่ไม่มีใครทัก พอได้ยินแบบนั้นเราเลยกะจะไปขอขมาศพที่เรามาเบียดเบียนเค้าเสียหน่อย แต่พอมาถึงก็เห็นว่ามีนักเรียนหลายคนมากๆกำลังมาไหว้ขอขมาอยู่ เราจึงเลือกที่จะไม่เข้าไปแล้วกลับบ้านเลย แต่หลังจากที่กลับบ้านมาก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับเรานะ 
       เรื่องครั้งนั้นก็กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ของโรงเรียนไปหลายเดือนเชียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น