เมื่อพบแต่ความว่างเปล่าฉันรีบกลับหลังหัน เดินตามพี่พลอยไปติดๆทิ้งให้พี่เอ็มยืนงงอยู่ตรงนั้น
“น้ำฝน เป็นไรอ่ะจู่ๆก็หยุดเดิน มีอะไรรึเปล่า”พี่พลอยถาม
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร จู่ๆก็จุกท้องขึ้นมาน่ะค่ะ"
ฉันโกหกไปเพราะไม่อยากให้พี่พลอยกลัว จากสถานการณ์เมื่อวานพี่พลอยแกคงเป็นคนขี้กลัวมาก
“เอ้า ไม่ได้กินข้าวเช้ามาเหรอ พี่มีขนมนะเอาเปล่า” พี่พลอยพูดพร้อมหยิบขนมปังห่อเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมาโชว์
“อะแฮ่ม มาวันแรกก็แอบกินขนมกันแล้วจะรอดกันมั้ยเนี่ย”
พี่เอ็มที่เพิ่งเดินมาสบทบพูดขึ้น
“เปล่าแอบค่ะ เก็บไว้กินตอนเบรก” ฉันแก้ตัวไป
พี่เอ็มพยักหน้าเล็กๆเหมือนรู้ทันว่าที่ฉันพูดเป็นเพียงคำแก้ตัว ก่อนเดินนำหน้าฉันไป ชิจะเก็กไปไหนเนี่ยพ่อคุณ ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงแผนก โรงงานนี้ก็ใหญ่โตเหมือนกันนะเนี่ย Office เราอยู่ชั้น 2 ชั้นเดียวกับห้องประชุม แต่ถ้าให้เดินมาเองอาจมีหลงทาง
“อ้าว มากันแล้วเหรอ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว มาๆมาแนะนำตัวเลยทั้งคู่” ชายคนนึงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของฉันพูดขึ้น จริงๆฉันเจอเค้าตั้งแต่ตอนมาสัมภาษณ์แล้ว แต่จำชื่อเค้าไม่ได้ รู้แต่เป็นผู้จัดการแผนก ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก เพราะขณะที่พี่เค้าพูด แกอยู่กลางวงประชุมที่มีสมาชิกถึง 20 กว่าคน ทุกคนหันมามองที่ฉันและพี่พลอย
เจอแบบนี้ฉันก็ประหม่าเหมือนกัน มีแต่คนที่ไม่รู้จัก ต่างจากบรรยากาศ พรีเซ็นต์งานหน้าชั้นเรียนเยอะเลย
“เอาน้องพลอยก่อนก็ได้ เป็นพี่ใช่มั้ย” ผู้จัดการพูดต่อ
“ใช่ค่ะ สวัสดีทุกคนนะคะ ชื่อพลอยค่ะ อายุ 25 ปี เคยทำงานที่ XYC มา 3 ปี ทำงานตำแหน่ง QE staff ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
โหพี่พลอย พูดซะคล่องเชียวตะกี้ยังบอกตื่นเต้นอยู่เลย
“เอ้าต่อเลยจ่ะ” ผู้จัดการชี้มือมาที่ฉัน
ฉันค่อยผ่อนลมหายใจเป็นเทคนิคการระงับความตื่นเต้น เอาว่ะแค่แนะนำตัวเองสบายอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะพี่ทุกคน หนูชื่อน้ำฝนค่ะเรียกว่าฝนก็ได้ เป็นเด็กฝึกงานจากมหาวิทยาลัยสยามพัฒนาค่ะ ระยะเวลาฝึก 4 เดือนค่ะ ฝากด้วยนะคะ สอนได้ดุได้เต็มที่ค่ะ” จบจากเสียงแนะนำตัวของฉัน คนอื่นๆก็ขำคิกๆ อ้าวนี่ฉันทำอะไรผิดไปเหรอ จากนั้นผู้จัดการก็สั่งให้คนอื่นๆแนะนำตัว ซึ่งคนที่สอนงานฉันเป็นหลักคือพี่ “ปูเป้” สาวแว่นจ่ำหม่ำ นอกจากนั้นคนที่ต้องคุยงานด้วยบ่อยๆก็น่าจะเป็น”ป้าบัว”แกเป็นคนที่คอยรับส่งเอกสารระหว่างแผนก Copy เอกสาร และงานธุรการต่างๆ พอทุกคนแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปทำงาน พี่ปูเป้ก็เดินมาหาฉัน
“ไปน้องฝนพี่เตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว เออนี่ปกติเราปาร์ตี้เก่งมั้ย”
“ไม่เลยอ่ะค่ะ”
“เฮ้ยพูดจริง เรียนปี4แล้วนะ ร้านอสูรหน้ามอเราอ่ะเด็ดนะ ผู้อ่ะงานดีทุกคน เคยไปป่ะ”
“ไม่เคยเลยค่ะ ฝนอยู่กับแม่แค่ 2 คน เลยไม่ค่อยอยากไปไหน กลัวแม่เป็นจะเป็นห่วง”
“ตายล่ะ วันนี้กะจะพาไปต้อนรับน้องใหม่ยันหว่างซะหน่อย งี้ก็ไปไม่ได้ดิ”
“คงไม่ได้อ่ะค่ะ กระทันหันด้วย”ฉันตอบเลี่ยงๆ
“เอาไงดีล่ะ ยังไงก็ต้องเลี้ยง ถ้าฝนไปที่อื่นไม่ได้
งั้นไปบ้านฝนเลยดีมั้ย”พี่ปูเป้พรึมพรัมกับฉัน
“ทุกคนๆงานเลี้ยงวันนี้เปลี่ยนเป็นบ้านน้องฝนดีป่ะ” เอ้าจู่ๆพี่ปูเป้ก็เปิดโหวต ไม่ถามฉันสักคำ แต่ที่บ้านเราก็ดีแล้วนี่
ไม่ต้องกลัวแม่เป็นห่วงด้วย
“ไปๆป้าไปคนนึงแหละถ้าไม่ไปร้านปีศาจอะไรน่ะ”
ป้าบัวตอบรับ คนอื่นๆกเห็นด้วยเช่นกัน
“พลอยโอเคมั้ย”พี่ปูเป้ถาม
“โอเคค่ะ”พี่พลอยตอบน้ำเสียงหนักแน่น
“อ้าวแล้วใครจะทำกับข้าว” พี่เอ็มถามขึ้น
“แม่ฝนรับจ๊อบเป็นแม่ครัวทำโต๊ะจีนค่ะ เรื่องกับข้าวไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฝนโทรบอกให้แม่เตรียมเลยก็ได้ค่ะ”
“เห้ย ไม่ต้องๆน้องฝนเรามีงบเดี๋ยวค่อยไปซื้อของเย็นก็ได้”พี่ปูเป้รีบห้ามฉันไว ้ สรุปว่าวันนี้บ้านฉันต้องเตรียมตัวรับแขกกระทันหัน หลังจากนั้นพี่ปูเป้ก็พาเราเดินรอบๆโรงงาน ไปดูการทำงานของแผนกต่าง แล้วกลับมาเทรนด์เรื่องเอกสารอีกนิดหน่อย ก็หมดเวลาไป 1 วัน ฉันเดินลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ล็อคเกอร์สังเกตุดูไม่มีใครใช้ล็อคเกอร์แถวเดียวกับฉันเลย เรียบร้อยฉันก็กลับบ้านไปก่อนพร้อมกับพี่พลอย โดยอาศัยรถของพี่เอ็ม ส่วนพี่ปู้เป้กับผู้จัดการรับอาสาทำหน้าทีซื้อของสำหรับเมนูในค่ำคืนนี้ พอถึงบ้านฉันรีบส่งโลเคชั่นให้พี่ปูเป้ รออยู่ครู่ใหญ่พี่ปูเป้ก็มาถึง
“เป็นไงคะหลงมั้ย”ฉันถามพี่ปูเป้ทันทีที่มาถึง
“ไม่หลงนะ มาง่ายนิ” พี่ปู้เป้ตอบพร้อมยื่นถุงผักกับอาหารทะเลมาให้ฉัน จากนั้นทุกคนก็ทำหน้าที่เป็นลูกมือ ส่วนแม่ฉันก็เป็นแม่ครัว
“ป้าขับตรงมานะไม่ต้องเลี้ยว พอถึงป้ายทางเข้าวัดใหญ่ ค่อยเลี้ยวตามทางมาเรื่อยเดี๋ยวผมไปดักหน้าบ้าน” พี่เอ็มรับสายจากใครสักคน
“ป้าบัวเหรอ บอกให้มาด้วยกันก็ไม่มาหลงล่ะสิเนี่ย”พี่ปูเป้ถาม
“ใช่ แต่ยังไม่หลงโทรมาก่อนกลัวหลง” จริงด้วยป้าบัวบอกว่าจะมานี่หน่า ลืมนึกถึงแกไปเลย ฉันคิดในใจ สักพักรถของป้าบัวก็มาถึง พร้อมๆกับกับข้าวที่เสร็จพอดี เราต้องปูเสื่อนั่งกินกันที่สวนหน้าบ้านเพราะปกติฉันอยู่กับแม่แค่สองคนโต๊ะทานข้าวจึงใหญ่ไม่พอ พร้อมไปกับติดเตาย่างหมึกกับกุ้งไปด้วย คนอื่นๆดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์กันหมด ยกเว้นฉันกับป้าบัว ที่ทำได้แค่นั่งขำพฤติกรรมหลุดโลกที่มาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ของแต่ละคน
“ไม่ไหวๆ ป้าไปห้องน้ำก่อนนะขำจนฉี่จะเล็ด” ป้าบัวที่ทนไม่ไหวขอตัวไปห้องน้ำพร้อมหยิบกระเป๋าใบยักษ์ของแกไปด้วย ปาร์ตี้ดำเนินไปเรื่อยจนถึงเวลาเที่ยงคืนกว่าทุกคนก็ขอตัวแยกย้าย พี่พลอยและพี่เอ็มอยู่ช่วยฉันเก็บจานเข้าบ้าน ก่อนจะขอตัวกลับ เพราะพี่เอ็มต้องไปส่งพี่พลอยที่หอก่อน
“ยังไม่ต้องล้างหรอกลูก ไปนอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้สาย”แม่เดินลงมาจากชั้นสอง เพื่อบอกให้ฉันรีบขึ้นนอน
“ฝนไม่ล้างอยู่แล้วค่ะ 555 กู๊ดไนท์ค่ะ”
หลังจากอาบน้ำอาบท่าฉันก็กะจะนอนหลับให้สบายเสียหน่อย แต่ในใจดันไปคิดถึงแต่สายตาของพี่เอ็มตลอด ทำไมเค้าถึงมองฉันแบบนั้นนะ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกวูบวาบด้วยนี่แค่สายตาเองนะ
“ติ๊ดๆๆๆๆ” เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเวลาเดียวกันกับเมื่อวาน นี่ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน ฉันงัวเงียขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุก หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปชั้นล่างเพื่ออาบน้ำ พอถึงหน้าห้องน้ำ ฉันเอื้อมไปเปิดไฟห้องน้ำ
“พรึ่บ พรึ่บ”ไฟกระพริบสองสามที ตามปกติ แอ๊ะพื้นห้องน้ำทำไมเหมือนมีรอยเลือด สงสัยตาลายมั้งเรา ฉันจึงก้าวเข้าไปในห้องน้ำตามปกติ แขวนผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวติดฝาพนัง
“พรึ่บ” ไฟกระพริบครั้งสุดท้ายแล้วก็ติด จากนั้นก็หันหลังไปหยิบแปรงสีฟัน
“กรี๊ด…..” ฉันส่งเสียงร้องสุดเสียงพร้อมทรูุดลงไปนั่งที่พื้น เพราะภาพที่เห็นคือหญิงสาวคนนึงนั่งชันขาขึ้น อยู่บนชักโครก เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยบาดแผล เนื้อตรงเอวถูกเลาะเนื้อหายไปจนเหลือแต่กระดูกซี่โครง เนื้อที่แก้ม ริมฝีปากและลิ้นก็ถูกเลาะออกไปเหลือให้เห็นเพียงกระดูกกรามและฟัน
ลักษณะเหมือนเธอกำลังร้องไห้และคงอยากจะบอกอะไรฉันสักอย่าง เพราะกระดูกกรามของเธอขยับไปมา
“ฉันค่อยๆตั้งสติถามเธอไปว่าอยากให้ช่วยเหรอ อยากให้ช่วยเรื่องอะไร”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น