รูปจาก www.pikabe.com
“หนึ่ง”เด็กสาวอายุ 13 ปี ลืมตาขึ้นมา แล้วพบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอจำเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องใกล้ชิดกับมัจจุราชครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี สี่ทุ่มของคืนที่เกิดเหตุ ทุกคนเข้าห้องนอนกันหมด แม่พิมพ์กับพ่อนนท์นอนกรนเสียงดังด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการขายกับข้าวแผงลอยที่ตลาดหน้านิคมอุตสาหกรรม ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เหลือเพียงหนึ่งที่นั่งเย็บกระทงใส่ห่อหมก เมนูสำหรับวันพรุ่งนี้อยู่เพียงลำพัง เด็กสาวอายุ 13 ที่เหนื่อยล้าจากการเรียนและช่วยงานที่บ้าน นึกโกรธให้พี่ชายที่เอาแต่เที่ยวเตร่ หนังสือหนังหาไม่เรียน งานที่บ้านก็ไม่เคยช่วย ทิ้งให้น้องสาวต้องรับผิดชอบงานทุกย่างอยู่ลำพัง
เวลาล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงคืน หนึ่งล้มตัวลงใกล้ๆกองใบตองสด ในใจหวังเพียงงีบได้สักครู แต่กลับหลับไปจริงๆ ตีสามคืนนั้นเสียงชาวบ้านโหวกเหวก โวยวายและอากาศรอบตัวที่ร้อนราวกับอยู่ในนรก ปลุกให้หนึ่งตื่นขึ้นมาและพบว่าบ้านที่เป็นที่ซุกหัวนอน กำลังถูกไฟโหมลุกไหม้ ต้นเพลิงดูเหมือนจะเป็นชั้นสองของบ้าน ที่กระดานและฝาพนังทำด้วยไม้ ทำให้ไฟลุกอย่างรวดเร็ว กระดานบางแผ่นร่วงลงมาถูกเสื่อน้ำมันชั้นล่างลุกติดไฟจนแดงชาน มองลอดแผ่นกระดานขึ้นไปเห็นสองเท้าของพ่อกับแม่ วิ่งวนไปมา ราวคนหาทางออกไม่พบ ผู้เป็นแม่ส่งเสียงหวีดร้องผลัดกับสะอื้นระงม หนึ่งตั้งสติมองไปรอบๆ ไม่มีทางที่เธอจะช่วยพ่อกับแม่ได้แล้ว เธอเลยตัดสินใจ ตัดช่องน้อยแต่พอตัวใช้หน้าต่างสำหรับเป็นทางเข้าออกของเจ้าอ้วนแมวของแม่ ที่อยู่ทางหลังบ้านเป็นหนทางสู่การมีชีวิตรอด แต่ยังไม่ทันจะถึงทางออก เปรี้ยง! ของแข็งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร กระทบกับศรีษะด้านหลังของเธออย่างแรง สติหมดลงพร้อมกับโอกาสของการมีชีวิตรอด
จนกระทั่งวันนี้วันที่เธอลืมตาขึ้นมาพร้อมกับลมหายใจแผ่วๆ เตือนว่าเธอคือผู้รอดชีวิต
“หนึ่งเป็นไงบ้างลูก”
“แก้ว” น้าสาวแท้ๆของหนึ่งเอ่ยถาม น้าแก้วเดินทางมาจากกรุงเทพ ตั้งใจว่าจะมารับตัวหลานสาวที่เหลือตัวคนเดียว ไปอยู่ด้วยกันที่เมืองหลวง
“สวัสดีจ้ะน้าแก้ว นี่น้ารู้ข่าวด้วยเหรอ”
“รู้สิ เจ้าหนุ่มโทรไปบอกตั้งแต่ ตีห้า”
“พี่หนุ่ม พี่หนุ่มปลอดภัยดีใช่มั้ย” หนึ่งถามถึงพี่ชายเพียงคนเดียว ด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับลูบเเผลที่ศรีษะด้วยความเจ็บปวด
“ปลอดภัยดี ตอนเกิดเหตุมันไม่อยู่ในบ้าน ถ้ามันกลับไปช้ากว่านี้สักหน่อย หนึ่งก็คงไม่รอดเหมือนกัน”
คืนเกิดเหตุหนุ่มกลับจากบ้านเพื่อนในหมู่บ้านใกล้ๆ ไปดูเบ็ดตกปลาที่ล่อปลาทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงดึกในหนองน้ำที่ไม่ไกลจากบ้านนัก ได้ยินเสียงตะโกนว่า”ไฟไหม้บ้านยายพิมพ์"จึงรีบกลับไปที่บ้าน แต่ชาวบ้านและหน่วยกู้ภัย ห้ามไว้ไม่ให้เข้าไปในบ้าน หนุ่มเลยแอบ หนี้เข้าไปทางหน้าต่างหลังบ้าน เจอหนึ่งสลบอยู่ใกล้กับหน้าต่างพอดี เลยช่วยออกมาได้ แก้วเล่าเหตุการณ์ให้หนึ่งฟัง
“ไม่รอดเหมือนกัน”หนึ่งพึ่งฉุกคิดได้
“พ่อนนท์กับแม่พิมพ์ล่ะจ๊ะ”
“นนท์ เสียแล้ว เสียที่บ้านเลย ส่วนพิมพ์ โดนไฟคลอก ตอนที่เอาร่างออกมายังมีชีวิตอยู่มาเสียที่โรงพยาบาลเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว”
หนึ่งฟังคำบอกเล่าจากแก้ว ก็น้ำตาไหลพราก ถึงนนท์กับพิมพ์ไม่ใช่พ่อแม่ที่ดีนัก แต่สำหรับหนึ่งแล้วก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณในชีวิต
เห็นแบบนี้แล้ว แก้วยิ่งนึกสงสารในชะตาชีวิตของหนึ่ง ลำบากลำบนตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่ก็พากันตายจากไปหมด
“หนึ่ง ไปอยู่กับน้านะ ไปช่วยน้า เล็กๆน้อยๆที่ร้าน ตอนนี้เราไม่ใช่เด็กแล้ว น้าดูแลได้สบายมาก”
“แล้วพี่หนุ่มละคะ”
“หนุ่มอาสาจะบวชหน้าไฟ แล้วจะบวชเณรไปจนกว่าจะบวชพระได้ ก็จะบวชไปตลอดชีวิต”
หนึ่งนิ่งไปเพื่อคิดทบทวน ก่อนจะตกลง เพราะรู้ว่าอยู่ที่นี่ ต่อไปไม่ได้แล้ว ทั้งบ้านทั้งพ่อแม่ พี่ชาย ไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งแล้ว
“ตกลงจ่ะน้า แล้วงานศพ พ่อนนท์กับแม่พิมพ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ตามมีตามเกิดแหละ ญาตินนท์เค้าขอรับศพไปจัดการเอง ส่วนพิมพ์ หนุ่มก็จัดการอยู่ ได้ชาวบ้านช่วยหาโรงบริจาคมาให้”
หนึ่งแสดงสีหน้าวิตกจนแก้วเห็นได้ชัด
“หมอบอกว่าผลเอ็กซเรย์ไม่มีอะไรน่าห่วง พรุ่งนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ หนึ่งจะกลับไปช่วยงานก็ได้นะ”
แก้วบอกให้หลานสาวเข้าใจ
“ค่ะ”หนึ่งตอบเบาๆ
คืนนั้นหนึ่งนอนแทบไม่หลับเพราะเหตุการณ์ตางวนไปวนมาในหัว ทำให้เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาตามภาษาเด็กๆ แก้วก็นอนหลับไปเพราะเพลียจากการเดินทาง หนึ่งรู้สึกปวดฉี่แต่ไม่กล้าปลุกน้า เลยรวบรวมความกล้าเดินไปเข้าห้องน้ำระหว่างทาง เดินผ่านเตียงอื่นๆ บางคนหลับ บางคนกำบังดื่มน้ำ บางคนเพิ่งกลับมาจากห้องน้ำ เห็นคนอื่นๆยังไม่หลับ ทำให้คลายความกลัวไปมาก หนึ่งเดินไปจนถึงเตียงสุดท้ายก่อนถึงห้องน้ำ ผู้ป่วยรูปร่างท่วมนั่งหันหน้าเข้ากำแพงห้องน้ำ ไม่มีญาติมาเฝ้า ไม่มีข้าวของอะไร ลักษณะเหม่อลอย ดูคล้ายคนหมดความหวัง หนึ่งลดความเร็วลง ค่อยเดินอย่างช้าๆ ไม่อยากทำให้เค้าตกใจ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ผิวหนังของเจ้าของเตียงกลับดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว พร้อมกับค่อยๆปริออก เลือดไหลซึมออกจากรอยแตกของผิวหนัง ร่างนั้นหันออกจากกำแพงมาจ้องที่หนึ่ง หนังตามีร่องรอยถูกเผา เปลือกตาปลิ้น ลูกตาเกือบจะถลนจากเบ้า นัยตาแดงด้วยเลือดคลั่ง
“แม่พิมพ์” เสียงผ่านลำคอที่แห้งผากของหนึ่งออกมาอย่างอัตโนมัติ หนึ่งลืมกลืนน้ำลายไปชั่วขณะ ลืมแม้แต่กระพริบตา
“หนู เป็นอะไรเหรอป่าว” พยาบาลเวร เขย่าที่แขนหนึ่งเบาๆ หนึ่งสดุ้งโหย่งหันไปตามเสียง ใจยังเต้นสั่นระรัว ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย จิตใต้สำนึกสั่งหันกลับไปที่เตียงเดิม ไม่มีร่าง วิญญาณหรืออะไรหลงเหลืออยู่เลย
"พี่คะไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหนูหน่อยนะคะ”
พยาบาลทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็ตกลง
การเข้าห้องน้ำเพียงครั้งเดียวกลับผ่านไปด้วยความทุลักทุเล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น