บทความส่วนใหญ่ เป็นนิยาย เรื่องสั้น เรื่องเล่า มีทั้งอ้างอิงจากเค้าโครงเรื่องจริง และเรื่องแต่งขึ้นเอง

Tadeestory/ผู้รอดชีวิต 10(มีต่อ)

       
   เช้าวันรุ่งขึ้น หนึ่งปลุกต้นแต่เช้า เพราะวันนี้เป็นวันที่ทั้งสองต้องทำบุญขึ้นบ้านใหม่ พ่อแม่ของต้นไม่ได้มาร่วมงานด้วยเพราะท่านทั้งสองแก่มากแล้ว ต้นแกล้งทำเป็นเหมือนว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ในใจแอบสงสัยว่า “แม่” ที่หนึ่งคุยด้วยเมื่อคืนคือใคร เพราะหนึ่งเคยบอกว่าพ่อและแม่เสียตั้งแต่จำความไม่ได้ อีกเรื่องที่อดคิดไม่ได้คือเด็กผู้หญิงคนนั้นพยายามจะบอกอะไร ๆ
           เพื่อนๆที่ทำงานของต้นเริ่มทยอยมา แขกในวันนี้มีเพียงแค่เพื่อนของต้นเท่านั้น
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมดูใจลอยจัง”หนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าต้นดูแปลกๆ ท่าทางคล้ายคนคิดมาก
“เปล่าจ่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” ต้นตอบ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะคะ ช่วยไปซื้อซองขาวกับเทียนมาเพิ่มที  หนึ่งจำได้ว่าเก็บจากที่เหลือจากงานศพของนาแก้วมาด้วย แต่หาไม่เจอเลยค่ะ”
“อ๋อ ได้สิ เดี๋ยวไปซื้อให้” ต้นรับปากหนึ่ง แล้วไปซื้อของตามที่เมียสั่ง ต้นเลือกไปร้านเดิมกับคราวก่อนที่ไปซื้อเคองดื่มชูกำลัง
“ป้า มีเทียนกับซองขาวขายมั้ยครับ”
“อ้าวเป็นไงล่ะพ่อหนุ่ม หน้าตายังกะคนไม่ได้นอน เจอดีแล้วล่ะสิ”ป้าแซวเมื่อเห็นว่าหน้าตาต้นดูอิดโรย
ทำให้ คำพูดของป้าต้นนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับตนเมื่อคืนวาน
“ป้าพูดมาแล้วผมก็นึกขึ้นได้ ป้าพอจะรู้มั้ยว่าต้นไม้ใหญ่ๆที่อยู่ตรงโค้งหักศอก ตรงนู้นน่ะเคยมีอุบัติเหตุอะไรมั้ย”
“ที่เลยสะพานไปนะเหรอพ่อหนุ่ม”
“ใช่ๆนั่นแหละครับ”
“โอ้ย เกิดบ่อยโค้งมันหักศอกมาเร็วๆก็แหกโค้งกันบ่อย ไปเจออะไรมาล่ะ”
“แล้วเคยมีเด็กผู้หญิง อายุประมาณ16-17”
“นังพริบพราวน่ะเหรอ”ต้นยังถามไม่จบป้าก็ตัดบทเสียก่อน
“พริบพราวใครเหรอครับป้า?”
“นังพราวก็คือน้องสาวคนกลางของพระหนุ่มนั่นแหละ สมัยเรียนเด็กสามคนเนี่ยชอบกลับบ้านดึกๆไม่รู้โรงเรียนเลิกแล้วไปอยู่ไหนกัน  วันที่เกิดเหตุน่ะ มันก็ไม่เย็นมากหรอก ประมาณ 6 โมงกว่าๆเนี่ยแหละ แต่วันนั้นฝนมันตกฟ้ามันก็เลยมืด พระหนุ่มไม่รู้ขับรถอีท่าไหน พากันไปล้มตรงต้นไม้ใหญ่ นังพราวเนี่ยกลิ้งเอาหัวไปฟาดกับต้นไม้เข้าให้ ตายคาที่เลย พูดมาแล้วอย่าให้เข้าตัวเลย น้องชายป้าเค้าเป็นอาสามูลนิธิ มันเล่าให้ฟังว่าตอนไปเก็บศพ เลือดมันไหลเต็มไปหมด ตาเหลือกค้าง ปากอ้าเห็นฟันเกือบครบทุกซีก แม่มันพยายามลูบให้หลับตากี่ครั้งๆ ก็ไม่ยอมลง เค้าว่าตอนไปถึงศพมันแข็งมันแล้ว ทำยังไงก็คงไม่หลับตา  เลยต้องเผาไปทั้งอย่างนั้นแหละ”
“เด็กสามคน คนตาย1คน พระหนุ่ม1คน แล้วอีกคน?”
ต้นพยายามลำดับเหตุการณ์ด้วยต้นเอง แต่ป้าก็เลยช่วยเฉลยให้อีก
“อีกคนเป็นน้องสาวคนเล็ก คนนี้ดวงแข็ง”
“น้องสาวคนเล็กที่พระหนุ่มบอกว่าติดต่อไม่ได้ ชื่ออะไรเหรอครับ”
“ชื่อหนึ่ง ป่านคงโตเป็นสาวไปแล้ว”
ฟังคำตอบแล้ว ต้นรู้สึกหน้าชา นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ แล้วมันเรื่องอะไรกัน
“ตื๊ดๆๆ”เสียงโทรศัพท์ของต้นดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“เจอร้านค้ามั้ยคะ ทำไมไปนานจัง”หนึ่งถามต้นผ่านทางโทรศัพท์
“เจอจ่ะเจอ ได้ของมาแล้วเดี๋ยวต้นกลับเดี๋ยวนี้เลย”
“รีบหน่อยนะคะ พระมารอแล้ว”
“ผมต้องรีบกลับแล้วครับป้าเดี๋ยววันหลังผมมาคุยด้วยใหม่  นี่ค่าของครับไม่ต้องถอน”
“เอ้าน้องชายป้ากลับมาพอดีเลย จะให้เอารูปศพให้ดู จะได้รู้ว่าคนเดียวกันมั้ย”
“ไม่ทันแล้วครับป้าวันหลังนะ”
ต้นพูดจบรีบขึ้นรถแล้วกลับบ้านทันที
“จะให้ทอนยังไงนี่มันพอดี”ป้าบ่นพรึมพรัมพร้อมส่ายหัว

          ที่บ้านทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว รอเพียงให้ถึงฤกษที่เหมาะสมเท่านั้น เมื่อฤกษ์งามยามดีมาถึงต้นทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพ จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธ กราบที่พระพุทธ 3ครั้ง แล้วหันไปกราบพระสงฆ์ 3 ครั้ง หนึ่งในพระสงฆ์ที่มาในวันนี้มีพระหนุ่มด้วย ระหว่างที่พิธีดำเนินไปต้นสังเกตว่า เรย์จับตามองหนึ่งกับพระหนุ่มเป็นพิเศษ แต่ยังต้องร่วมพิธีอยู่จึงทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ พิธีดำเนินมาถึงตอนท้าย พระหลวงตาที่เป็นประธานทำหน้าที่ประพรมน้ำมนต์ให้กับคนที่มาร่วมงาน และรอบบริเวณบ้าน ต้น หนึ่ง เรย์ และแทนแฟนของเรย์ที่ทำหน้าที่อุ้มบาตรน้ำมนต์ตามไปด้วย  เมื่อมาถึงบริเวณสตูดิโอของหนึ่ง หลวงตาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าไปพรมน้ำมนต์ตาหน้าที่ ในขณะที่กำลังจะออกมาจากห้องนั้น  จู่ๆ เก้า้สำหรับแต่งหน้าเสริมสวยที่ตั้งอยู่กลางห้อง ส่งเสียงเอี๊ยดๆคล้ายมีคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนเก้าอี้
ทุกคนหันไปมองที่เก้าอี้พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย หลวงตาหันหลังกลับแล้วตรงไปที่เก้าอี้นั้นทันที
“อ้าวโยมตามอาตมามาสิ”หลวงตากวักมือเรียกแทนที่อุ้มบารตน้ำมนอยู่ในมือ
“ผมต้องไปด้วยเหรอ” แทนที่ยืนเกาะกลุ่มกับคนอื่นๆอยู่ พูดด้วยความกลัว
“ไม่เป็นไรแทนพี่ไปเอง” ต้นอาสาไปแทนแทน พร้อมกับรับบารตมาจากแทน
“โยม ที่นี่ไม่ใช้ที่ของโยมแล้วนะ เจ้าของใหม่เค้าทำให้ถูกต้องทุกอย่างแล้ว โยมไปพบภูมิของโยมเถอะ อย่าห่วงอะไรอีกเลย” หลวงตาพูดกลับใครสักคนที่ตรงเก้าอี้นั้น
“เอี๊ยด”เสียงเอี๊ยดดังขึ้นอีกครั้ง
“เค้าไปแล้วล่ะโยม ถ้าไม่มีอะไรติดค้างกับเค้า เค้าคงไม่กลับมาแล้ว”
เมื่อเสร็จพิธีพรมน้ำมนต์เรียบร้อย หลวงตาก็ร่วมฉันท์เพลกับพระรูปอื่นๆ ส่วนหนึ่งไปเตรียมข้าวของเตรียมไว้เมื่อพระฉันท์เพลให้พรแล้ว แขกๆในงานจะได้กินข้าวบ้าง เรย์เห็นอย่างนั้นเลยจะเข้าไปช่วยหนึ่ง แต่ถูกต้นดักตัวเอาไว้ก่อน
“ชู่ๆๆ” ต้นเอานิ้วปิดที่ปากพร้อมทำเสียงเป็นสัญญาณให้เรย์เข้าใจว่าต้องเงียบ
“มีอะไรคะพี่ต้น” เรย์ถามทำเสียงกระซิบกระซาบ
“วันนี้พี่เห็นเรย์จับตามองหนึ่งกับพระหนุ่มตลอด มีอะไรรึเปล่า”
“เอิ่ม คือเรย์ไม่รู้จะพูดยังไงดี”
“พูดเลย พี่เองก็มีเรื่องสงสัยอยู่”
“คือ พระหนุ่มให้เด็กคนนึง มาส่งจดหมาย ให้พี่หนึ่งไปหาที่วัด พี่หนึ่งเลยให้เรย์ไปส่ง แต่พี่หนึ่งกลับไม่บอกความจริงกับเรย์ วันนี้เห็นหลวงตาเรียกพระรูปนั้นว่าพระหนุ่ม แต่ไม่เห็นจะคุยอะไรกับพี่หนึ่งเลย  เรย์ว่ามันแปลกๆ”
“นี่หนึ่งไปหาหลวงพี่หนุ่มมาเหรอ”
“ใช่ค่ะ พอดีเรย์ไปเห็นจดหมายที่พี่หนึ่งทำตกไว้ในรถ”
“เรากลับเข้างานไปเถอะคนอื่นจะสงสัย”
       
         เมื่อฉันท์เพลเสร็จพระก็ให้ศีลให้พร เป็นอันจบพิธี พระอาศัยรถตู้ของวัดเป็นพาหนะใช้เดินทางกลับวัด
         ในตอนนั้นต้นเริ่มคิดวางแผนให้เรย์หลอกล่อหนึ่งออกไปข้างนอก เพื่อที่ตนจะไปถามความจริงจากพระหนุ่มว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หนึ่ง ช่วยทำกุ้งแช่น้ำปลาให้ต้นทีได้มั้ย พอดีพี่ๆเพื่อนๆเค้าอยากกินแกล้มเหล้า”
“แต่ที่บ้านไม่มีกุ้งเลยนะคะ ถ้าจะกินจริงๆ ต้นคงต้องไปซื้อกุ้งแล้วก็มะระด้วย” หนึ่งอธิบายให้ฟัง
“ต้นกินเหล้าไปแล้วนะสิ ขับรถตอนนี้อันตรายแย่ เอางี้หนึ่งไปกับเรย์ได้มั้ย สาวๆไปเลือกน่าจะโอเคกว่า”
“เฮ้อ ก็ได้ค่ะ” หนึ่งยอมตกลงแบบไม่ได้สงสัยอะไร
          พอหนึ่งกับเรย์ไปพ้นแล้ว ต้นจึงเล่าเรื่องแปลกๆที่เจอให้เพื่อนในวงเหล้าฟัง ถึงทุกคนจะดื่มสุราไปบ้างแล้วแต่ก็ไม่มากพอจะทำให้สติสัมปชัญญะลดลง  ทุกคนต่างลงความเห็นว่าต้นไม่ควรไปถามจากพระโดยตรง ให้ไปหลอกถามเด็กที่มาส่งจดหมายให้ดีกว่า   9แทนบอกว่าเรย์เล่าเรื่องนี้ให้ตนฟังเหมือนกัน รวมถึงบอกลักษณะของเด็กคนนั้นให้ฟังด้วย ถ้าไปถามหาที่วัดคงจะได้ความ
“ขอโทษนะครับ หลวงพ่อพอจะเห็นเด็กรูปร่างผอมๆ อายุประมาณ 10 ขวบ เอ่อน่าจะมาเล่นที่วัดนี้บ่อยๆด้วย” ต้นถามพระรูปหนึ่งที่กำลังกวาดลานวัดอยู่
“โยมคงหมายถึง จ่อยใช่ไหม เด็กที่มาวัดบ่อยๆก็มีแต่จ่อยคนเดียว”
“อ่า น่าจะใช่นะครับ” ต้นตอบ
“วันนี้ยังไม่เห็นนะ แต่เดียวอาตมาเรียกให้ จ่อย จ่อยเอ้ย จ่อย”พระรูปนั้นเดินไปทั่วบริเวณวัดแต่ก็ไม่พบจ่อย เจอเพียงแต่พระหนุ่มเท่านั้น
“เรียกหาจ่อยทำไมรึหลวงพี่”พระหนุ่มถาม
“โยมตรงนู้น เค้ามาถามหามันน่ะ”พระรูปนั้นชี้มือมาทางกลุ่มของต้น
“จ่อยไม่อยู่หรอกโยมต้น โยมมาหามันทำไมเหรอ”พระหนึ่งปรากฎตัวขึ้นและถามต้น
“ไม่มีอะไรหรอกครับหลวงพี่ ผมขอตัวนะครับ”ต้นและเพื่อนรีบขอตัวกลับ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้เป็นพิรุธในสายตาของพระหนุ่มแน่นอน
         ต้นพาเพื่อนๆมุ่งหน้าจะกลับไปที่บ้าน ระหว่างทางเกิดนึกขึ้นได้ว่าควรกลับไปที่ร้านขายองชำ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากป้า แต่คราวนี้โชคดีได้เจอกับน้องชายของป้า ผู้ที่ไปเก็บศพและปฐมพยาบาลให้กับสามพี่น้อง ลุงเก่งน้องชายของป้าเล่าให้ฟังว่า เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว คนที่ขับรถผ่านแถวนั้นเห็น 3 พี่น้องประสบอุบัติเหตุ  จึงแจ้งไปที่มูลนิธิ ลุงเก่งออกปฏิบัติงานตามหน้าที่ พอมาถึงเจอพริบพราวนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ ส่วนเด็กอีกสองคนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย  จากประสบการณ์การเป็นอาสาสมัครมูลนิธิ ลุงเก่งเล่าให้ฟังอีกว่า กรณีนี้แปลกมากๆ เพราะปกติเวลามีผู้เสียชีวิตกับต้นไม้ ส่วนใหญ่จะเกิดจากหลุดโค้งมาชนกับต้นไม้จังๆ แต่นี่แค่ตัวถไลมาฟาดกับต้นไม้กลับเสียชีวิต ลุงเก่งอธิบายพรางเอารูปวันที่เกิดเหตุให้ดู เพราะตนจะเก็บรูปเอาไว้ทุกครั้งที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ เมื่อทุกคนได้เห็นรูปภาพต่างพูดตรงกันว่าเด็กหญิงผู้รอดชีวิตมีส่วนคล้ายหนึ่งมากๆ ต้นฟังจากที่ลุงเก่งเล่าคล้ายกับเหตุการณ์ในฝันของต้นมากๆ มีสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือในฝันไม่มีใครตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น