บทความส่วนใหญ่ เป็นนิยาย เรื่องสั้น เรื่องเล่า มีทั้งอ้างอิงจากเค้าโครงเรื่องจริง และเรื่องแต่งขึ้นเอง

Tadeestory/ผู้รอดชีวิต 9(มีต่อ)


            ที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่  พระหนุ่มอาศัยม้านั่งเล็กๆเป็นที่นั่ง  หนึ่งที่เดินตามมานั่งลงกับพื้น บริเวณนี้ถึงจะร่มเย็นแต่ก็เป็นจุดที่สงบคนไม่พลุกพล่าน
“โยมดูเปลึ่ยนไปมากเลยนะ”พระหนุ่มเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งลง
“ค่ะน้าแก้วดูแลหนึ่งดีมาก เสียดายแกอายุสั้นไปหน่อย ไม่อย่างงั้นหนึ่งคงมีโอกาสตอบแทนพระคุณแกมากกว่านี้”
“แล้วโยมกลับมาที่นี่ทำไม โยมก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ามีใครรอโยมอยู่บ้าง”
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยน่ะค่ะ เล่าไปคงจะยาว หนึ่งต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มากราบหลวงพี่ตั้งแต่วันก่อน  หนึ่งไม่อยากให้ต้นสงสัย”
“นี่โยมต้นยังไม่รู้เหรอ ว่าโยมเป็นใครมาจากไหน”
“ค่ะ หนึ่งเคยบอกต้นว่าหนึ่งกำพร้าตั้งแต่เด็ก น้าแก้วเป็นคนเลี้ยงดูมา มีญาติห่างๆเพียงคนเดียวก็คือหลวงพี่ ดีที่หนึ่งไม่เคยเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับหลวงพี่ให้ต้นฟัง”
“ทำไมโยมต้องไปโกหกเค้าแบบนั้นล่ะ”
“หนึ่งแค่อยากลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ หนึ่งอยากเริ่มต้นใหม่ แบบเป็นหนึ่งคนใหม่อย่างที่อยากจะเป็น หนึ่งคิดไม่ถึงว่าวันนึงต้องกลับมาที่นี่”
“อาตมาว่าโยมบอกความจริงโยมต้นไปเถอะ เรื่องที่โยมเคยอยู่ที่นี่ บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนกับที่เราบอกชาวบ้าน ถ้าเค้าสงสัยแล้วสืบเอง เรื่องมันจะยิ่งยุ่ง”พระหนุ่มแนะ
“หนึ่งว่าบอกความจริงตอนนี้มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยง ต้นจะต้องสงสัยว่าทำไมหนึ่งต้องโกหกตั้งแต่แรก
ตอนนี้ชาวบ้านไม่มีใครจำหนึ่งได้ ขนาดป้าใจที่ขายของด้วยกันที่ตลาดแกยังจำหนึ่งไม่ได้เลย”
“โยมแน่ใจเหรอว่าไม่มีใครจำโยมได้”
“ถ้าหากหลวงพี่ไม่เจอหนึ่งที่ศาลของพ่อ ไม่แอบดูหนึ่งที่หน้าบ้าน หลวงพี่ก็คงจำหนึ่งไม่ได้ใช่มั้ยคะ”
“ถึงยังไงก็อย่าประมาท ระวังตัวให้ดีอย่าให้ใครจำได้ วันนี้โยมกลับก่อนเถอะ อาตมาจะให้จ่อยไปส่ง”
“จ่อยๆ” พระหนุ่มกวักมือเรียกเด็กวัดคนเดิม ที่นำจดหมายไปส่งให้หนึ่ง
“ไปส่งโยมเค้าที่บ้านหน่อย เอานี่ค่าขนม”
“ได้ครับหลวงพี่”จ่อยรับเงินพร้อมกับรับคำสั่ง
“หนึ่งลานะคะหลวงพี่”
“บุญรักษานะโยม”
            จ่อยเดินมาส่งหนึ่งที่บ้านตามคำสั่ง ระหว่างทางมีบ้านคนไม่มากนักเพราะใช้ทางลัด ส่วนใหญ่จะเป็นสวนที่ชาวบ้านปลูกไว้ มีเงาะบ้าง มังคุดบ้างคละๆกันไป
“พี่เป็นคนกรุงเทพฯเหรอครับ” จ่อยเอ่ยถาม ตามภาษาเด็กช่างเจรจา
“จ๊ะ”หนึ่งตอบสั้นๆ
“ผมไม่เคยไปกรุงเทพเลย เคยเห็นแต่คนจากกรุงเทพมาทำบุญที่วัด ขับรถคันสวยๆกันทั้งนั้น”
“จ่อยอยากไปกรุงเทพเหรอ”หนึ่งถาม
“อยากไปสิครับ เพื่อนที่โรงเรียน ที่เค้าเคยไปเล่าให้ฟังว่าที่กรุงเทพมีแต่ตึกใหญ่ๆ มีเครื่องบิน บินผ่านรถไฟใกล้ๆด้วย”
จ่อยพูดถึงกรุงเทพตามที่เพื่อนเล่าให้ฟัง หนึ่งได้ฟังแบบนั้นถึงกับน้ำตาคลอ คิดถึงตัวเองตอนเด็ก เวลามีเพื่อนที่ไปกรุงเทพกลับมาก็จะมาเล่าให้ฟังแบบนี้ หนึ่งเองก็เฝ้ารอคอยวันที่จะได้ไปเห็นกรุงเทพแบบเพื่อนๆบ้าง จนกระทั่งวันที่แม่พาไปเยี่ยมน้าแก้ว หนึ่งกับหนุ่มทั้งดีใจและตื่นเต้น ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนรถไฟสนุกสนานมาก เวลาเห็นเครื่องบินลำใหญ่ๆบินข้ามรถไฟไป หัวใจมันพองโตบอกไม่ถูก ไม่น่าเชื่อเลยว่าความสุขเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิตวัยเด็กของหนึ่งกับหนุ่มครั้งนั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่มืดดำของสองพี่น้อง
         
ใช้เวลาไม่นานนัก หนึ่งกับจ่อยก็มาถึงบ้าน
“จ่อย อยากกินน้ำหวานเย็นๆมั้ย” หนึ่งรู้สึกเอ็นดูจ่อย เพราะมีหลายคนอย่างคล้ายตนตอนเด็กๆ อีกทั้งจ่อยก็ช่างพูดช่างเจรจา
“อยากกินครับ แต่ถ้ายายรู้ยายคงจะดุ ยายไม่ชอบให้เข้าบ้านคนอื่น ถ้าของเค้าหายเค้าจะโทษจ่อย”
“555 ก็อย่าให้ยายรู้สิง่ายนิดเดียว” หนึ่งรู้สึกถูกใจในความซื่ิอของจ๋อย
จ่อยจึงยอมรับข้อเสนอตามหนึ่งเข้ามากินน้ำแดงเย็นๆที่หนึ่งชงให้ในบ้าน หนึ่งเอารูปตัวเองตอนอยู่ที่กรุงเทพให้จ่อยดู ทั้งคู่สนุกสนานกับการพูดคุยกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“แปบๆ 4 โมงครึ่งแล้ว จ่อยกลับบ้านเถอะเดี๋ยวยายจะดุเอา”หนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเวลาเริ่มเย็นแล้ว
“ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ สวัสดีครับ” หนึ่งเดินมาส่งจ่อยที่หน้าบ้านเมื่อเห็นว่าจ่อยเดินลับตา หนึ่งจึงกลับเข้าบ้าน พออยู่คนเดียว บรรยากาศในบ้านก็เริ่มวังเวงแปลกๆ หนึ่งจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาต้นเพื่อยุติความเงียบรอบตัว
“ตู๊ด ๆ ๆ”เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ครู่เดียวก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย
“ว่าไงคะ คุณภรรยาที่รัก”
“ใกล้เลิกงานหรือยังคะ”
“อีกสิบกว่านาทีครับ”
“ไม่มีโอทีเหรอคะ” หนึ่งถาม
“มีก็ไม่ทำครับ จะกลับไปหาภรรยา”
“ไม่ต้องมาปากหวาน ขับรถกลับดีๆนะคะทางนี้ฝนทำท่าจะตก”
“ครับผม”ต้นวางสายโทรศัพท์ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ตกตอนเลิกงานทุกที มาตรงเวลากว่าเมียก็ฝนเนี่ยแหละ”ต้นบ่นพรึมพลัม
แล้วเดินกลับเข้าออฟฟิศไป ครู่เดียวก็ถึงเวลาเลิกงาน ต้นรีบเดินไปขึ้นรถ
“แปะๆ”น้ำฝนเม็ดเล็กๆ 2-3หยด หยดลงบนแขน ต้นเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับเป็นเวลาใกล้ทุ่ม ตั้งแต่ต้นย้ายมาอยู่ปราจีนบุรีวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าน่ากลัวที่สุด ต้นละสายจากท้องฟ้า รีบวิ่งต่อไปขึ้นรถ ก่อนจะเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ เมื่อถึงรถต้นไม่รีรอที่จะสตาร์ทและขับออกไปทันที ต้นขับรถฝ่าฝนที่ตกหนัก ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนที่ตกหนักทำให้เขาสามารถมองเห็นทางได้ในระยะไม่กี่เมตรเท่านั้น
“เฮ้ยอย่านะ”ต้นร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นร่างของเด็กผู้หญิงยืนอยู่กลางถนนฝนระยะกระชั้นชิด ก่อนที่เด็กคนนั้นจะพุ่งตัวลงมาใส่รถ
“กึก กึก กึก”รถกระโดดไปมาเหมือนตกหลุมสลับกับขึ้นเนินขนาดใหญ่  ต้นรีบเบรกรถแล้วลงมาดูว่าร่างที่ตนเพิ่งขับรถทับไปเป็นอย่างไรบ้าง ต้นเดินไปมารอบรถ ส่องที่ใต้ท้องรถ บริเวณใกล้เคียง สองฝั่งถนน เดินหาจนทั่วก็ไม่มีร่างของใครอยู่เลย
             ต้นหาอยู่นานจนมีรถคันนึง ขับผ่านมา รถคันนั้นชลอความเร็วลง ก่อนจึงเคลื่อนไปจอดชิดขอบถนนอีกฝั่ง ชายวัยกลางคนเดินถือร่มลงมาจากรถ
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณ ทำไมจอดรถกลางถนนแบบนี้”ชายคนนั้นเอ่ยถาม
“ผม….คือ… เมื่อกี้นี้อ่ะครับผมขับรถมาแล้วก็มีเด็กผู้หญิงคนนึง กำลังจะข้ามถนน แต่จู่ๆน้องเค้าก็พุ่งเข้ามาใส่รถผม ผมเลยรีบลงมาดูกลับไม่มีใครเลย”
ต้นพยายามเล่าเหตุการณ์ประหลาดให้ชายแปลกหน้าฟัง
“เอ่อ เด็กที่คุณเห็นเนี่ยเป็นเด็กผู้หญิง ใส่ชุดนักเรียนใช่มั้ย”ชายคนนั้ยถาม
“ใช่ครับ”
“คุณกลับบ้านเถอะครับ เธอไม่เป็นอะไรหรอก เธอไม่ใช่คน” ถึงจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีแต่คราวนี้คงปฏิเสธไม่ได้ เพราะยากเหลือเกินที่จะหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ เมื่อต้นมองไปรอบๆแล้วพบว่าบริเวณนั้นเป็นจุดเดียวกับที่ต้นเจอน้องล่องหน
ต้นตัดสินใจเดินขึ้นรถและมุ่งหน้ากลับบ้านตามคำแนะนำของชายแปลกหน้า  เมื่อกลับถึงบ้าน  หนึ่งที่รออยู่เห็นสภาพของสามีเปียกปอนทั้งตัว เลยเอ่ยถาม
“ทำไมเปียกขนาดนี้ละคะ นี่ลืมเอาร่มลงจากรถอีกแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย”
“ใช่จ๊ะ”ต้นโกหกไปเพราะกลัวหนึ่งจะกลัว
“ต้นหนาวมากๆเลย ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ค่ะ อาบน้ำเสร็จเดี๋ยวทานข้าวทานยา จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้คงต้องตื่นกันแต่เช้า”
หนึ่งบอกผู้เป็นสามี คืนนั้นต้นกินข้าว กินยาเข้านอนเร็วตามที่หนึ่งแนะนำ หนึ่งเองก็เช่นกัน
กลางดึกคืนนั้นต้นฝันถึงเด็กผู้หญิงคนเดิมที่เจอในวันนี้ ในฝันต้นเห็นเด็กคนนั้นนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์  คนขับเป็นเด็กผู้ชายในชุดนักเรียน ด้านหน้าสุดมีเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กๆ น่าจะอยู่ชั้นประถมปลายๆ ที่แปลกคือหน้าตาละม้ายคล้ายหนึ่งผู้เป็นภรรยาของตน ทั้งสามดูเหมือนจะกำลังมีปากเสียงกัน แต่ด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เลยฟังไม่ออกว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร พอรถขับมาถึงบริเวณโค้งหักศอกที่มีต้นไม้ใหญ่ เป็นจุดเดียวกันกับที่ต้นเจอเด็กสาวล่องหน จู่ๆรถก็ล้มลง เด็กทั้งสามบาดเจ็บกันคนละเล็กน้อย แต่ละคนใช้มือปัดเศษหญ้าที่ติดตามเสื้อผ้า
“หนึ่ง” เสียงกระซิบของใครบางคนทำให้ ต้นตื่นจากความฝัน
“หนึ่งเหรอ เกี่ยวอะไรกับหนึ่ง น้องต้องการจะบอกอะไรพี่”ต้นตั้งคำถามอยู่ในใจแล้วค่อยๆพลิกตัวมามองหน้าภรรยาที่นอนอยู่ข้างๆ ว่าเหมือนกับเด็กคนนั้นขนาดไหน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อข้างกายเหลือเพียงหมอนข้างเท่านั้น
ต้นเลยลุกเดินออกจากห้องนอนเพื่อจะไปหาดูว่าหนึ่งหายไปไหน พอเปิดประตูห้องนอนออกมาก็เห็นไฟในห้องครัวเปิดอยู่
“สงสัยจะหิว”ต้นพรึมพรัมอยู่คนเดียว พร้อมกับเดินไปที่ห้องครัว แต่เมื่อเดินไปใกล้ๆ กลับได้ยินเสียงของภรรยา กำลังคุยกับใครสักคนอยู่ ต้นจึงลดความเร็วแล้วใช้พนังห้องครัวเป็นที่กำบังตัว ชะโงกหน้าไปแอบดูเห็นชะโงกหน้าไปแอบดูเห็นหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวในมือถือรูปอยู่ใบหนึ่ง ที่ตักมีกล่องคุกกี้เก่าๆวางอยู่ ต้นได้ยินไม่ชัดแต่พอจับใจความได้ว่าหนึ่งเรียกคนที่คุยด้วยว่า “แม่”











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น