บทความส่วนใหญ่ เป็นนิยาย เรื่องสั้น เรื่องเล่า มีทั้งอ้างอิงจากเค้าโครงเรื่องจริง และเรื่องแต่งขึ้นเอง

Tadeestory/ผู้รอดชีวิต 4(มีต่อ)




สองน้าหลานขึ้นรถเก๋งคันเล็กๆ มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร ระหว่างทางพูดคุยเรื่องการศึกษา ของหนึ่ง
แก้วเล่าให้หนึ่งฟังว่า เณรหนุ่มไปขอวุฒิการศึกษา ป.6 ของหนึ่งที่โรงเรียนมาให้แล้ว หนึ่งคงต้องหยุดเรียนสักเทอม เทอมหน้าค่อยไปสอบเข้าม.1 โรงเรียนรัฐบาลที่กรุงเทพ ระหว่างนั้นก็ให้ช่วยงานที่ร้านทำผมไปพลางๆ ก่อน คุยกันเรื่องสัพเพเหระ
ใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมงก็มาถึงที่พัก หนึ่งมองตึกที่อยู่ตรงหน้า นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเยี่ยมน้าแก้ว คงเป็นเพราะแม่เกลียดน้าแก้วมาตั้งแต่เกิด เพราะคิดว่าน้าแก้วเป็นสาเหตุที่ทำให้ยายตาย ยายคลอดน้าแก้วแล้วเกิดตกเลือดอย่างหนัก จนเสียชีวิต  แม่ในวัยเพียง 10ขวบ เลยต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูน้าแก้วแทน เพราะตาก็ต้องทำมาหากิน ด้วยความเกลียดชังทำให้แม่ทุบตี ทะเลาะ เบาะแว้งกับน้าแก้วมาตลอด จนกระทั่งโตเป็นสาวน้าแก้วขอตามาอยู่กรุงเทพทำงานเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวย เก็บเงินเก็บทองจนเปิดร้านเป็นของตัวเองได้ ในขณะที่แม่เริ่มติดเหล้าและการพนันอย่างหนัก เงินทองไม่พอใช้ มีครั้งนึงหนักขนาดที่เจ้าหนี้จะมายึดเครื่องเรือที่พ่อใช้เป็นพาหนะไปหาปลามาขายเลี้ยงครอบครัว แม่เลยต้องแบกหน้ามาขอยืมเงินน้าแก้ว โดยโกหกพ่อว่าพาหนึ่งกับพี่หนุ่มมาเยี่ยมแก้ว  แต่น้าแก้วกลับปฎิเสธที่จะช่วยเหลือ ให้เพียงแต่เงินค่าขนมหลานๆคนละ 500 บาทเท่านั้น นั่นทำให้แม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งสาบแช่งน้าแก้วสารพัด นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่และครั้งเดียวที่หนึ่งได้มาที่นี่

หนึ่งเริ่มต้นใหม่ในมาหานครแห่งนี้ ช่วยแก้วทำงานที่ร้าน สระผม เป่าผม ทำเล็บ แก้วเองก็เลี้ยงหนึ่งเหมือนเป็นลูกคนนึง ด้วยความที่แก้วไม่มีลูก ไม่มีสามี และหนึ่งก็เป็นเด็กขยัน ทั้งงานที่ร้าน งานบ้าน เรื่องการเรียนก็ไม่เคยทำให้หนักใจ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พออายุได้ 16 รูปร่างของหนึ่งเริ่มดูเป็นสาวมากขึ้น  แก้วลองส่งหนึ่งไปประกวดนางงามในเวทีเล็กๆ ในกรุงเทพฯบ้างต่างจังหวัดบ้าง เพื่อเป็นการโปรโมทร้านของตัวเอง ผลก็เป็นที่หน้าพอใจหนึ่งมักจะติด 1-3 อันดับแรกอยู่เสมอ หนึ่งเก็บเงินรางวัลจากการประกวดได้จำนวนหนึ่ง จึงตัดสินใจดัดฟันและศัลยกรรมจมูก ซึ่งแก้วก็เห็นด้วย ชีวิตของหนึ่งกับแก้วดำเนินไปได้ด้วยดี หนึ่งเรียนจบม.6 ก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลได้ หนึ่งเลือกเรียน ออกแบบแฟชั่น เพื่อจะมาเปิดห้องเสื้อเล็กๆข้างๆร้านของแก้ว
ด้วยความที่หนึ่งเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี ทำให้มีผู้ชายหมายปองหลายคน รวมถึงต้น
รุ่นพี่หนุ่มวิศวะหน้าตาดี แต่ขี้อาย ไม่กล้าเข้าไปจีบ ได้แต่คอยแอบมอง และเนียนเข้าไปใกล้ชิด อย่างเช่นยอมนั่งรถเมลล์เลยป้าย เพื่อไปลงที่หน้าร้านของหนึ่งแล้วค่อยเดินกลับหอ เป็นเวลา 2 ปีกว่าที่ต้นทำได้แค่แอบมอง จนกระทั่งวันที่ฟ้าเป็นใจ ในวันนั้นเวลาเกือบ 6 โมงเย็น หนึ่งลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านตามปกติ
ต้นเมื่อเห็นว่าหนึ่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ก็มุ่งจะกลับหอ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยที”
ต้นได้ยิน ก็มั่นใจว่าเป็นเสียงของหนึ่งไม่ผิดแน่
รีบวิ่งไปที่ต้นเสียง พบหนึ่งกำลังพยุงร่างหญิงวัยกลางคนที่หมดสติอยู่ หน้าของหนึ่งเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“ช่วยพาน้าแก้วไปส่งโรงพยาบาลทีค่ะ”
ต้นรีบเรียกแท็กซี่
“ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดครับ”

เมื่อถึงโรงพยาบาล น้าแก้วถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน หนึ่งต้องรอด้านนอก โดยต้นก็ยังรออยู่เป็นเพื่อน
หนึ่งที่รู้ดีแก่ใจว่าต้นแอบตามตน มาตลอด และไม่เคยแสดงท่าทางคุกคาม จนกระทั่งวันที่เธอเดือดร้อน ก็ได้ต้นช่วยเหลือไว้ เธอจึงเริ่มเปิดใจให้ต้น

เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ หมอเรียกหนึ่งไปเพื่อแจ้งให้ทราบวา่  ที่แก้วหมดสติไปเป็นผลจาก ภาวะเลือดจางซึ่ง เกิดจากเลือดออกที่ลำไส้ส่วนปลาย ลักษณะอาการคล้ายมะเร็งลำไส้ ส่วนจะเป็นจริงหรือไม่ ระยะที่เท่าไหร่ต้องตรวจอย่างละเอียด คุณหมอแนะนำวิธีตรวจให้ หลายวิธี และขอให้แอดมิท เพราะอาการเลือดออกในลำไส้ตอนนี้น่าเป็นห่วง
ต่อมาแก้วได้รับการตรวจอย่างละเอียด หมอแจ้งให้ทราบว่าแก้วเป็นมะเร็งลำใส้จริง ตอนนี้ตรวจพบก้อนเนื้อเพิ่มเติมที่ตับอ่อน และปอดด้วย ซึ่งอาการลักษณะนี้เรียกว่าระยะลุกลาม หรือระยะสุดท้าย แก้วปฏิเสธการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน และเลือกรักษาแพทย์ทางเลือก อาการทรงๆทรุดๆ อยู่ปีกว่าๆ จนเสียชีวิตในที่สุด
เสียดายยังไม่ได้อยู่รับปริญญาหลานสาว
แต่อย่างน้อยๆก็หมดห่วงที่ส่งให้หนึ่งเรียนจบอย่างที่ตั้งใจไว้
หนึ่งจัดงานศพให้เเก้วอย่างเรียบง่ายมีเพียงเพื่อนสนิทและลูกน้องที่ร้านที่มาร่วมงาน หนึ่งพยายามติดต่อเณรหนุ่มซึ่งตอนนี้น่าจะบวชเป็นพระแล้ว เพื่อให้มาร่วมงานน้าสาว แต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย เสร็จจากงานศพของแก้ว             
หนึ่งก็ยังคงสานต่อกิจการร้านเสริมสวย โดยเพิ่มบริการให้เช่าชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว ที่หนึ่งออกแบบและตัดเย็บเองอีกด้วย
เรื่องของหัวใจก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ต้นทำงานเป็นวิศกรโรงงานอุตสาหกรรม จนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง จึงขอหนึ่งแต่งงาน หนึ่งเองก็ตอบตกลงไป ระหว่างที่รอฤกษ์แต่งหนึ่งได้เขียนจดหมายไปที่วัดบ้านเกิด  อยากให้ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่นั่นคือพระหนุ่ม มาร่วมงานมงคลนี้ด้วย แต่ก็เงียบไปราวกับไม่มีคนๆนี้ อยู่บนโลกแล้ว เวลาดำเนินไปเรื่อยเมื่อฤกษ์มงคลมาถึง ก็ไม่สามารถรอต่อไปได้ ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามแผน คืนก่อนแต่งงาน
หนึ่งฝันเห็นตัวเองลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เครื่องมือเครื่องใช้ในร้านถูกเก็บเป็นระเบียบ เก้าอี้ทุกตัวคลุมด้วยผ้า ในฝันหนึ่งกำลังจะเดินออกจากร้านไป น้าแก้วก็ปรากฏตัวขึ้นและห้ามหนึ่งไว้ “อย่าไปเลยหนึ่ง เชื่อน้า อย่าไปเลย”
“ตื๊ด  ตื๊ด ตื๊ด” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกให้หนึ่งตื่นจากความฝัน
“ฮัลโหลค่ะ”
“น้องหนึ่งคะได้เวลาแต่งหน้าแล้วนะคะ”เสียงช่างแต่งหน้าสาวประเภทสอง ดังมาจากปลายสาย
หนึ่งดึงโทรศัพท์ออกจากหูเพื่อดูเวลา
“ค่ะหนึ่งจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
งานแต่งผ่านไปได้ด้วยดี หนึ่งและต้นเลือกที่จะเช่าโรงแรมสำหรับใช้เป็นห้องหอและสถานที่จะงาน เพราะร้านของหนึ่งค่อนข้างคับแคบ ส่วนต้นเป็นคนลำพูน คงไม่สะดวกถ้าจะต้องไปจัดงานไกลขนาดนั้น

เช้าวันแรกของชีวิตคู่ ต้นบอกตั้งใจจะบอกเรื่องเซอร์ไพรสบางอย่างกับหนึ่ง
“หนึ่ง ดูอะไรนี่สิ” ต้นพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้หนึ่งดู
ในจอโทรศัพท์ปรากฏรูปบ้านหลังที่กำลังก่อสร้าง
“เรือนหอของเราไง” ต้นพูดพร้อมกับยิ้ม
“พูดจริง?”หนึ่งถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“จริงสิ เนี่ยต้นไปซื้อที่ดิน ที่ติดถนนเลยนะ หนึ่งจะได้เปิดร้านพรีเวดดิ้งที่บ้านได้เลยไง ลองเลื่อนดูสิ ต้นถ่ายรูปวิวรอบๆ มาด้วย”
หนึ่งเลื่อนดูวิวรอบๆ ตามที่ต้นแนะนำ ด้านขวาของตัวบ้านมีแม่น้ำ ด้านหน้าบ้านมีถนนตัดผ่าน เยื้องๆไปทางด้านขวา เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ บริเวณบ้านมีต้นไม้เล็กใหญเกิดขึ้นตามธรรมชาติ หนึ่งหน้าซีดลงในทันทีดูรูปจนครบ ไม่ผิดแน่ที่ตั้งเรือนหอของเธอ เป็นที่ที่เธอหนีมันมาแสนนาน เธอคิดว่ามันจะจบลงแล้ว ที่ดินผืนที่ต้นพยายามพรีเซ้น เมื่อครู่คือบ้านเกิดของเธอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น