บทความส่วนใหญ่ เป็นนิยาย เรื่องสั้น เรื่องเล่า มีทั้งอ้างอิงจากเค้าโครงเรื่องจริง และเรื่องแต่งขึ้นเอง

Tadeestory/ผู้รอดชีวิต 5 (มีต่อ)



“หนึ่งเป็นอะไรรึป่าว ไม่ชอบเหรอหน้าซีดเชียว”
ต้นถามเมื่อเห็นว่าสีหน้าหนึ่งไม่ค่อยดี
“อ๋อ เปล่าๆ นี่จังหวัดอะไรเหรอ”หนึ่งแกล้งถามต้นเพื่อความ แน่ใจ
“ปราจีนบุรี หนึ่งรู้จักใช่มั้ย”
“รู้จักสิ แล้วที่ติดถนนติดแม่น้ำขนาดนี้ทำไมเค้าถึงขายเหรอ” หนึ่งถามต่อ
“เจ้าของที่เค้าเป็นพระน่ะ เมื่อก่อนท่านบอกว่าท่านอาศัยอยู่กับพ่อ แม่และน้องสาว ที่ที่ดินผืนนี้แหละ ต่อมาพ่อแม่แกเสียด้วยอุบัติเหตุอะไรเนี่ยแหละ  ส่วนน้องสาวมาเรียนต่อที่กรุงเทพแล้วก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย
แกไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมก็เลยขาย” ต้นรู้แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านหลังเก่า แต่พยายามหรอกให้หนึ่งสบายใจ สิ่งที่ต้นไม่รู้เลยคือน้องสาวของพระรูปนั้นก็คือหนึ่งนี่เอง ต้นเล่าต่อว่า ต้นได้รับข้อเสนอให้ไปประจำโรงงาน ที่ปราจีนบุรี แลกกับการขึ้นตำแหน่งและเงินเดือน ต้นเองก็เคยไปโรงงานที่นั้นหลายครั้ง และรู้สึกชอบจังหวัดนี้เพราะผู้คนไม่พลุกพล่าน แต่ก็ไม่เงียบจนเกินไป จึงตกลงทำสัญญาที่จะย้ายไป และตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตคู่กับหนึ่งที่นั่น แต่เเผนการพลาดไปหน่อย บ้านเสร็จไม่ทันงานแต่ง
“เราต้องย้ายไปเมื่อไหร่”หนึ่งยังไม่หมดคำถาม
“จริงๆก็ต้องอาทิตย์หน้าเลยอ่ะนะ แต่บ้านเรายังไม่เรียบร้อย ต้นอาจจะต้องหาหอพักอยู่ไปก่อน ทุกอย่างเรียบร้อยเมื่อไหร่ จะรีบมารับภรรยาไปอยู่ด้วยกันเลยครับ”ต้นพูดใช้น้ำเสียงอ้อนๆ
“ค่ะ”หนึ่งตอบสั้นพร้อมกับฝืนยิ้ม แต่ในใจเธอสับสนอย่างหนัก ฟังจากที่ต้นเล่า  ถ้าจะให้ต้นกลับหลังตอนนี้คงไม่ทันแล้ว
“เอาว่ะขยันทำบุญเอา ของคลังก็มีติดตัว เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว น่าจะดีขึ้นบ้าง”หนึ่งคิดกับตัวเอง

อาทิตย์ต่อมา ถึงกำหนดการณ์ที่ต้นจะต้องย้ายไปประจำการที่ปราจีนบุรีแล้ว  
“ขอโทษนะต้น ที่ไม่ได้ไปส่ง”หนึ่งขอโทษต้น เพราะตนต้องอยู่จัดการงานที่ร้านให้เสร็จสิ้นเสียก่อน วันที่ต้องย้ายไปลูกค้าจะได้ไม่เดือดร้อน
“ไม่เป็นไรเลย อยู่ทางนี้ดูแลตัวเองดีๆนะ เดี๋ยววันอาทิตย์ต้นจะกลับมานะ”
ล่ำลากันเรียบร้อย รถของต้นก็แล่นออกไป
ต้นถึงที่พักในเวลาบ่ายโมงกว่า ก็จัดการจัดข้าวของที่นำติดตัวมา เสร็จเเล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูงานก่อสร้างเรือนหอของตัวเองเสียหน่อย  ระยะทางจากหอพักไปบ้านที่กำลังก่อสร้าง ประมาณ 9-10 กิโลเมตร ต้นขับรถออกมาจากหอ พบว่าสองข้างทางส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ มีร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ ซักรีด สิ่งอำนวยนวยความสำดวกครบครัน พอห่างจากตัวหอมาเรื่อยๆ สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นป่าบ้าง บ้านคนบ้าง ถนนหนทางที่นี่ก็อยู่ในสภาพที่ดีอยู่ ไม่นานก็ถึงที่หมาย ต้นขับรถเลยบ้านไป เพื่อหาร้านขายของชำ เพราะนึกขึ้นได้ว่าควรมีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากพี่ๆช่างเค้าเสียหน่อย ไม่ไกลมากต้นก็พบกับร้านขายของชำเล็กๆ เลยจอดรถเรียบไหล่ทาง แล้วเดินลงไปที่ร้าน
“ เอา M100 10 ขวดครับ”
“โห ซื้อไปทำไมเยอะแยะล่ะพ่อหนุ่ม”ป้าแก่ๆเอ่ยถามพร้อมกับหยิบเครื่องดื่มชูกำลังออกจากตู้เย็น
“ผมซื้อไปฝากช่างที่กำลังทำบ้าน อยู่ตรงนู้นน่ะครับ” ต้นพูดพร้อมกับชี้มือไป ป้าแกมองตามแล้วตกใจเล็กน้อย
“เอ็งเป็นลูกหลานเค้ารึ”ป้าใช้น้ำเสียงกระซิบกระซาบ
“หมายถึงเจ้าของที่คนเก่าน่ะเหรอครับ” ป้าแกพยักหน้า
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่มาซื้อที่แกเฉยๆ”
“นี่พระหนุ่มได้เล่าให้ฟังมั้ย เจ้าของบ้านคนเก่าน่ะ เค้าตายในบ้านนะ ไฟไหม้น่ะสิ ศพงี้ไฟคลอกดำเป็นตอตะโก เนี่ยเมื่อ2-3ปีก่อน วัยรุ่นมันไปเที่ยวกันมา ขับมอไซค์กลับดึกๆ ผ่านบ้านนี้มันได้กลิ่นเหม็นไหม้ เลยมองเข้าไปดู เห็นคนตัวดำเป็นตอตะโก หน้าตาเนื้อตัวเนี่ยดูไม่ได้ ตรงดำก็ดำ ตรงไหนเนื้อปริออกก็แดง ทั้งเลือดทั้งหนองไหลเต็มไปหมด ยืนจ้องมันอยู่ตรงรั้วหน้าบ้านนั่นแหละ เล่นเอาเป็นไข้หัวโกร๋น ลำบากไปอาบน้ำมนต์กันเป็นอาทิตย์เลยแหละ”
ป้าเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ผมมาดีคงไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ๆช่างที่นอนเฝ้าของเค้าก็ไม่เคยเจออะไรนะครับ” ต้นที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสางตอบป้าไปแบบเลี่ยงๆ
“เอา ตามใจเถอะพ่อหนุ่ม ถือว่าป้าเตือนแล้วนะ”
จบบทสนทนาป้ายื่นถุงสินค้าให้ เมื่อได้ของตามที่ต้องการ ต้นก็มุ่งไปยังจุดหมาย
“สวัสดีครับ  เป็นไงบ้างครับมีอะไรติดขัดรึป่าว”
ต้นทักทายทีมช่างที่กำลังยุ่งๆ กันอยู่ พร้อมกับส่งถุงเครื่องดื่มให้หัวหน้าช่าง
“อ้าวน้องต้น มายังล่ะเนี่ย” หัวหน้าช่างเอ่ยถาม
“ผมย้ายมาประจำที่นี่แล้วครับ ตอนนี้ก็อยู่หอไปก่อน”
“ขอโทษทีนะ พี่คำนวนเวลาพลาดไปเองแหละ ต้นเลยลำบาก”
“ไม่เป็นไรเลยครับ ว่าแต่ไม่มีอะไรติดขัดใช่มั้ยครับ”
ต้นเอ่ยถาม
“จะว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มีอ่ะนะ” หัวหน้าช่างตอบ
ต้นที่กำลังงงงวยในคำตอบ ทำหน้าสงสัย
“เอางี้คุณต้นตามพี่มา พี่จะพาไปดู”
ช่างพาต้นเดินเข้าไปบริเวณสวนหลังบ้านซึ่งเป็นที่พักของคนงานชาวกัมพูชาด้วย
“เมื่อคืนลูกน้องพี่ มันก็กินเหล้ากันตามภาษา แล้วก็ทำไก่อบฟางไปกับแก้ม อิ่มแล้วพวกมันก็นอนกันตามปกติ แต่ดูนี่สิ”
ช่างชี้ให้ต้นดูรอยไฟไหม้ บริเวณพื้นหญ้ากับต้นไม้เล็ก ถ้าดูด้วยตาน่าจะกินพื้นที่เกือบสองตารางเมตร ปลายสุดด้านนึงของรอยไหม้เกือบจะติดกับชานด้านหลังบ้าน
“พวกมันหลับกันหมดไม่มีใครรู้เลยว่าไฟไหม้ แต่ไฟมันดับเอง แล้วดินก็ชุ่มๆเหมือนมีคนเอาน้ำรด” ช่างพูดพร้อมกับนั่งยองๆเอามือแตะๆดินบริเวณที่มีรอยไหม้ ต้นเลยลองแตะดูบ้าง ดินบริเวณนั้นเปียกจริงๆ
“ก็ถือว่าเจ้าที่เจ้าทางเค้าคงอยากให้คุณต้นมาอยู่และครับ เค้าเลยช่วย 555 คิดในแง่ดีไว้”
“คิดอย่างนั้นก็ดีครับ”
“อ้อ คุณต้นห้องน้ำที่อยู่นอกบ้านตรงนู้นผมรื้อตามที่สั่งแล้วนะครับ” ต้นพยักหน้ารับ ตายังมองที่รอยไฟไหม ้ ต้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจในความสะเพร่าของทีมช่าง แต่ก็ไม่อยากจะตำหนิ  เพราะยังไม่ได้มีอะไรเสียหาย
“เราเจออัลบั้มรูปนี้ในห้องนั้นครับ”ช่างยื่นอัลบั้มรูปเก่ามาให้ต้น พร้อมกับเล่าว่าเจ้าของเก่าคงใช้ห้องน้ำนั้นเป็นห้องเก็บของ มีทั้งหมอนมุ้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังแล้ว อะไรใช้ไม่ได้ก็ทิ้ง อะไรขายได้ก็ขาย แต่อัลบั้มรูปนี้เห็นว่าน่าจะเป็นรูปเจ้าของเก่าเลยเก็บไว้ให้ต้นดูก่อน ต้นรับมาแล้วพลิกดูรูปข้างใน 2-3 รูป
“คงจะเป็นพ่อ แม่ ของพระเนอะพี่ เดี๋ยวผมจะเอาไปคืนท่าน”
ดูความเรียบร้อยของงานก่อสร้างสักพักต้นก็ขอตัวกลับ ก่อนกลับต้นแวะไปหาพระหนุ่มเพื่อเอาอัลบั้มรูปไปคืนและจะหาฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ด้วย
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงวัด เจอพระหนุ่มนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้หอระฆังพอดี “สวัสดีครับหลวงพี่”
“เจริญพรโยม บ้านเสร็จแล้วหรอ ไวดีนะ”
“ยังหรอกครับหลวงพี่ แต่ก็ใกล้เต็มที่แล้ว ที่ผมมาเนี่ยอยากจะให้หลวงพี่ช่วยดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ให้หน่อยน่ะครับ” ต้นบอกความต้องการให้คู่สนทนาฟัง
“ได้สิๆโยมรออาตมาตรงนี้นะ เดี๋ยวอาตมาไปเอาหนังสือ มาดูให้”
ต้นรออยู่ครู่เดียว พระหนุ่มก็ลงมาพร้อมกับกระดาษ ปากกา หนังสือและปฏิทินโบราณ สรุปว่าได้ฤกษ ์ มงคลที่บ้านน่าจะเสร็จทันเป็นเดือนหน้า
“ถ้าหลวงพี่ไม่ติดกิจนิมนต์ที่ไหน ผมขอนิมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ”
ต้นเอ่ยชวนพระหนุ่ม พระหนุ่มเองก็รับปากว่าถ้าไม่มีกิจธุระอะไรจะไปให้ได้ ต้นจึงขอลากลับ พอขึ้นรถตาเหลือบไปให้อัลบั้มรูปพอดี
“เอ้าลืมไปสนิทเลย”ต้นพรึมพรัมกับตัวเอง
พร้อมเอื้อมไปหยิบอัลบั้มรูป เเล้วเอาไปคืนพระหนุ่ม พระหนุ่มเห็นแค่ปกอัลบั้ม ก็จำได้ว่าเป็นขอวตัวเองแน่
“รูปครอบครัวของอาตมา เองแหละโยม โยมไปเจอมาจากที่ไหน”
“ช่างบอกว่าเจอในห้องน้ำที่อยู่นอกบ้านน่ะครับ แต่ของอื่นๆช่างเค้าถือวิสาสะทิ้งไปแล้วผมต้องขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นหรอกโยม เย็นมากแล้วโยมกลับเถอะ”
“ครับผมลาล่ะครับหลวงพี่”
หนุ่มเดินจากไป ทิ้งหลวงพี่ไว้ที่เดิม พระหนุ่มค่อยๆเปิดดูรูปทีละใบ รูปแรกเป็นรูปแต่งงาน ผูกข้อไม้ข้อมือของพ่อกับแม่ รูปที่สองเป็นรูปแม่สมัยสาวๆ
รูปที่สามเป็นรูปตอนเด็กของตัวพระเอง
รูปที่ 4 เป็นรูปของน้าแก้วตอนยังเป็นสาว
รูปถัดไปเป็นรูปของหนึ่งตอนเด็กๆ
ถึงรูปนี้นัยตาพระหนุ่มเริ่มแดง มือไม้เริ่มสั่น หัวใจเต้น ตุ๊บๆช้าๆ พระหนุ่มตัดสินใจปิดอัลบั้มลง เพราะไม่อยากดูรูปที่เหลืออีกแล้ว






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น